สงครามการค้าพ่นพิษไม่เลิก สินค้าสหรัฐ-จีน-อินเดีย จ่อทะลักไทยเพิ่ม

07 สิงหาคม 2568
สงครามการค้าพ่นพิษไม่เลิก สินค้าสหรัฐ-จีน-อินเดีย จ่อทะลักไทยเพิ่ม

บิ๊กธุรกิจไทยในสหรัฐชี้ สงครามภาษีสหรัฐรอบใหม่ บีบสินค้าจีน-อินเดียทะลักเข้าไทยเพิ่ม กระทบผู้ประกอบการ ขณะสหรัฐเตรียมนำรายได้จากภาษีแจกชาวอเมริกัน ครอบครัวละ 2,400 ดอลลาร์ลดค่าครองชีพ ด้าน “PJUS GROUP” สั่งปรับขึ้นราคาสินค้าในสหรัฐ ดันยอดเดือนก.ค.พุ่งเป็นประวัติการณ์

นายประมุข เจิดพงศาธร ประธานกรรมการบริหาร PJUS GROUP และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ (HTA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากที่สินค้าจีนยังได้รับการผ่อนปรนภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) จากสหรัฐอเมริกาในอัตรา 30% เพื่อแลกกับจีนเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐที่ 10% โดยมีระยะเวลาจนถึงวันที่ 12 สิงหาคม 2568 ที่จะหมดระยะการผ่อนปรน (ก่อนหน้านี้สหรัฐเคยตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 145% ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยอัตรา 125%) ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องเจรจาเพื่อให้บรรลุข้อตกลงใหม่

ขณะเดียวกันจากที่ล่าสุดสหรัฐได้สรุปผลการเจรจากับอินเดีย โดยประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียในอัตราสูงถึง 25% (ลดลงจากเดิมที่อัตรา 27%) ทั้งนี้จากที่สินค้าจีนคาดจะถูกสหรัฐเก็บภาษีในอัตราสูง และอินเดียถูกเก็บภาษีจากสหรัฐที่ 25% จะทำให้สินค้าจากสองประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก จะส่งออกไปสหรัฐได้ลดลง และต้องการที่ระบายสินค้าเพิ่มขึ้น

คาดไทยจะเป็นอีกหนึ่งตลาดที่เป็นเป้าหมายของสินค้าจากจีน และอินเดียจะทะลักเข้ามาเพิ่มขึ้น นอกจากสินค้าจากสหรัฐที่จะถูกส่งมาจำหน่ายในไทยเพิ่ม หลังบรรลุข้อตกลงภาษีการค้าระหว่างกัน

ทั้งนี้จากอัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าทั่วโลกในอัตราที่แตกต่างกัน หรือบางประเทศถูกเก็บในอัตราเดียวกัน แต่ความสามารถในการแข่งขัน และความสามารถในการบริหารต้นทุนสินค้าของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน จะส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนของประเทศต่าง ๆ มีความผันผวน และบริหารธุรกิจได้ยากขึ้น

“ผลกระทบที่เกิดขึ้นในเวลานี้ต่อผู้บริโภคในสหรัฐ จากอัตราภาษีพื้นฐาน (Baseline Tariff) ที่สหรัฐเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากทั่วโลกไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้การบริโภคในสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมาก บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ในสหรัฐมียอดขายหรือผลดำเนินงานลดลงโดยเฉลี่ย 9-13% ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้เป็นต้นมา และมีธุรกิจจำนวนมากที่ต้องให้พนักงานออก มีการควบรวมกิจการ รวมถึงมีการแจ้งล้มละลายตัวเองจำนวนมาก”

ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะนำเงินที่เก็บได้จากภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น มาแจกจ่ายให้กับประชาชนชาวอเมริกันอย่างน้อย 600 ดอลลาร์ต่อคน หรือ 2,400 ดอลลาร์สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 4 คน หลังจากภาษีตอบโต้ที่จะเรียกเก็บจากประเทศคู่ค้าจากทั่วโลกจะมีผลบังคับใช้ในอัตราใหม่ (ภาษีพื้นฐานและภาษีตอบโต้จะถูกควบรวมเป็นอัตราเดียวกัน) โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป

คาดจะทำให้สหรัฐมีรายได้จากภาษีในส่วนนี้เพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน จากที่ก่อนหน้านี้การเก็บภาษีพื้นฐานที่ 10% ทำให้มีรายได้จากภาษีประมาณ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน

“1 สิงหาคมคือเส้นตายที่สหรัฐจะประกาศอัตราภาษีตอบโต้กับทุกประเทศ โดยจะเก็บภาษีในอัตราใหม่ ส่วนภาษีพื้นฐานที่ 10% จะถูกยกเลิกไป ซึ่งในส่วนสินค้าไทยจะถูกเรียกเก็บที่อัตรา 19% อย่างไรก็ดีในส่วนของสินค้าที่ลงเรือต้นทางก่อนวันที่ 7 สิงหาคม และถึงอเมริกาก่อนวันที่ 5 ตุลาคม 2568 ยังมีสิทธิ์เสียภาษีที่ 10% ส่วนสินค้าที่ออกจากไทยไปสหรัฐเริ่ม 7 สิงหาคมจะถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราใหม่ที่ 19%”

นายประมุข กล่าวอีกว่า ในส่วนของ PJUS GROUP ซึ่งทำตลาดในหมวดสินค้าอาหารไทยในสหรัฐ และมีแบรนด์ของตัวเอง รวมถึงผลิตภายใต้แบรนด์ของลูกค้าที่ติดตลาดแล้ว ไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมากนัก โดยสามารถปรับขึ้นราคาสินค้าตามอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นได้ เห็นได้จากยอดขายของกลุ่มในเดือนกรกฎาคมล่าสุดทำสถิติยอดสูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินการมา

 


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.